วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553

กอร์ดอน เซ็ตเตอร์ Gordon Setter



กลุ่มพันธุ์สปอร์ต เซ็ตเตอร์ Sporting Group- Setter

มีสีดำข้างบนนำ้ตาลเข้มข้างล่างหรือที่เรียกว่า "แบล็ก แอนด์ แทน" เป็นหมาถิ่นสก็อตโดยกำเนิด หน้าตาดี ขยันขันแข็ง และติดนาย มีไหวพริบในเรื่องนกดีมากและจำแม่น เวลาเดินหานกในทุ่งโดยกวัดหางไปเรื่อยๆ
ร่วมสองศตวรรษมาแล้วที่ ท่านดุ๊กแห่งกอร์ดอนได้นำพันธุ์นี้ผสมเข้ากับพันธุ์คอลลี่สีแบล็ก แอนด์ แทน จะเป็นเพราะผสมกันเข้าครั้งนั้น หรือจะเป็นเพราะพันธุ์เดิมสีดำปนนำ้ตาล ซึ่งพัฒนามาแต่ต้นศตวรรษ 1620 หมากอร์ดอนเซ็ตเตอร์ก็เลยเป็นหมาล่านกเกราส์แดงตามเขาได้ดีเยี่ยม
ในปี 1842 นายยอร์ช บลันท์ ได้นำหมาชื่อเรกและราเชล ที่เพาะขึ้นที่ปราสาทกอร์ดอนไปอเมริกาด้วย สองตัวนี้มีสีขาวแต้มแบ็ลก แอนด์ แทน ผิดกับหมาพันธุ์กอร์ดอนในทุกวันนี้ที่สีดำเป็นสีถ่านหินตัดกับสีแทน
ในกลางทศวรรษที่ 1980 กอร์ดอนเซ็ตเตอร์ที่ตัวย่อมกว่า รูปร่างดีกว่า ก็มาถึงสหรัฐ คล่องแคล่วกว่าแบบเดิม และเป็นหมาล่านกชั้นดีพอๆ กับเป็นหมาโชว์ เป็นหมาที่ค่อนข้างช้าแต่แม่น รกเท่าไหร่ทึบเท่าไหร่ก็ไม่เกี่ยง และดีเป็นพิเศษสำหรับไล่นกเกราส์และนกปากซ่อมดง ทั้งจมูกและสมองมันก็แม่น ฝึกหัดให้เก็บนกก็ง่าย นักเพาะหมาพยายามจะเพาะให้มันมีกำลังทำงานได้ไกลๆ และหานกเก่งเหมือนเดิม
ที่น่ารักที่สุดของมันคือเรื่องความรักนาย เป็นคุณสมบัติที่ทำให้มันเป็นหมาประจำปืนเป็นอย่างดีเท่าๆ กับเป็นหมาเลี้ยงในบ้านที่คอยเอาใจนายอยู่เป็นนิจ กับเด็กก็เข้ากันได้ดี แต่กับหมาอื่นที่บุกรุกเข้ามานั้นจะฟัดแหลกเพราะมันจะปกป้องคนในบ้านอย่างหวงแหน
ตัวหนักกว่าเซ็ตเตอร์อีกสองพันธุ์ รูปร่างค่อนไปทางอิงลิชเซ็ตเตอร์ หน้าผากกว้าง อกนูนลึก กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ แกร่งทั้งกระดูกและจิตใจทรหด มีแต้มสีแทนบนขนสีดำที่ เหนือลูกตาตรงข้างคิ้ว ตรงสันใบหู ที่หน้าอก ที่ท้อง ที่ขา และตามขนอ่อน
สูงเพียงไหล่ 23-27 นิ้ว นำ้หนัก 45-75 ปอนด์


วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ไอริิช เซ็ตเตอร์ Irish Setter



กลุ่มพันธุ์สปอร์ต เซ็ตเตอร์ Sporting Group- Setter

หมาพันธุ์ไอริชตัวสีแดงจ้านี้มีท่าทีภูมิฐานพอๆ กันกับเรี่ยวแรงแข็งขยัน รักนาย เวลาออกทุ่งซึ่งต้องอาศัยแรงทรหด หนักเอาเบาสู้ไม่ท้อแท้ ไม่เพียงแต่รับใช้อย่างดีหากแต่ยังเป็นเพื่อนที่สุภาพที่สุด น่ารักที่สุด และอายุยืนยิ่งนัก
ส่วนต้นตอพันธุ์นี้ยังเลือนราง บ้างก็ว่าเป็นพันธุ์ที่ผสมระหว่างไอริช วอเตอร์ สแปเนียล กับไอริชเทอร์เรียร์ ที่เชื่อๆ กันอยู่ว่ามาจากสารพัดพันธุ์ที่ผสมกัน ระหว่างสแปเนียล พอยน์เตอร์ เซ็ตเตอร์ อิงลิชและกอร์ดอน ไอริชเซ็ตเตอร์รุ่นแรกๆ ไม่ใช้สีแดง แต่เป็นสีขาวแต้มแดง มีการตั้งรางวัลในไอร์แลนด์สำหรับไอริชเซ็ตเตอร์ที่มีขาวแต้มแดง แต่ก็มีน้อยตัวเต็มที เซ็ตเตอร์ที่ขนเป็นเส้นไหมสีแดงเปลือกมะฮอกกานีที่รู้จักกันครั้งแรก ปรากฎเมื่อต้นศตวรรษที 19 เรียกๆ กันว่า "สแปเนียลแดง"หรือ madradh ruadh (หมาแดง)
เวลาออกเดินโชว์ในสหรัฐหรืออังกฤษ ไม่มีตัวไหนจะได้รับการปรบมือมากเท่าไอริชเซ็ตเตอร์ เพราะความงามแบบหมาๆ ของมันถึงขั้นจริงๆใช่ว่าจะรักนิยมมันเพียงแค่ขนสวยงามมันวาวราวกับลูกเกาลัดแก่ๆหากรวมทั้งทีท่าแบบหมาชั้นสูงที่เดินอวดโฉมรอบเวทีนั้น ด้วยมันย่างก้าวราวกับดรัมเมเยอร์ หัวเชิดเป็นสง่า คนดูชอบกันนักเวลาไอริชเซ็ตเตอร์มันยางเดิน
โดยปกติก็สูงกว่าอิงลิชและกอร์ดอนเซ็ตเตอร์ รูปร่างเพรียว รวดเร็วว่องไว ขายาว ไหล่ลาด ประสาทไวรวมแล้วเสมือนม้าแข็งเลือดบริสุทธิ์ ไอริชนี้เจ้าอารมณ์อยู่สักหนอย เวลาฝึกจึงต้องใช้ความเพียรมากกว่าพันธุ์อื่น เป็นหมาสำหรับใช้ในทุ่ง ใครถือปืนล่านกกันที่ไหนต้องเจอพันธุ์นี้ที่นั้น
ไอริชเซ็ตเตอร์เป็นหมาที่ต้องปล่อยให้โตขึ้นมาตามธรรมชาติ จนกระทั้งมีอายุมากพอที่จะเข้าใจถึงความมุ่งหมายของมัน ซึ่งอาจจะตอน 6 เดือนถึง 18 เดือนก็ได้ ไม่ครวเลี้ยงรวมกันจนแออัด บางครั้งต้องลงโทษกันบ้างตามสมครว หากทำกับมันรุนแรงไปมันก็อาจหมดกำลังใจสิ้นความอยากจะล่าไปเสีย นักเพาะหมาพยายามที่จะแก้นิสัยของไอริชเซ็ตเตอร์ ที่โน้มไปทางชี้นกด้วยหางที่ไม่ค่อยสูงเท่าอิงลิชเซ็ตเตอร์หรือพอยน์เตอร์ ที่ชี้นกด้วยหางชูโด่ และพันธุ์นี้ก็สู้สองพวกแรกที่กล่าวถึงไม่ได้ การพุ่งพรวดตามนกออกไปในระยะไกลมันสามารถตรวจภูมิประเทศที่แคบได้อย่างถี่ถ้วน ทำงานร่วมกันกับคนปืนได้ดี ในป่ายามฤดูใบไม้ร่วงที่มองไปทางไหนก็เป็นสีนำ้ตาลและเงาครึ้ม สีขนที่เข้มแม้จะสวยแต่ก็เสียอยู่อย่างคือมองเห็นมันได้ยากกว่าพันธุ์ที่ขนขาวๆ
สีลูกเกาลัดอมสีทองอันเจิดจ้านั้นต้องไม่มีรอยแต้มดำ สีขาวบนหน้าอก ลำคอ หรือนิ้วเท้า หรือเป็นแด่นเล็กๆ ที่หน้าผาก หรือเป็นแนวขีดเส้นแคบๆ หรือแด่นที่จมูกหรือที่หน้า ไม่ถือว่าเป็นลักษณะเสีย
สูงเพียงไหล่ 24-26 นิ้ว นำ้หนัก 50-60 ปอนด์

วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

อิิงลิิชเซ็ตเตอร์ English Setter



กลุ่มพันธุ์สปอร์ตเซ็ตเตอร์ Sporting Group- Setter
เป็นหมาพันธุ์เลือดบริสุทธิ์ที่สวยที่สุดของโลกพันธุ์หนึ่งทีเดียวและความสวยนั้นลึกเกินกว่าที่เห็นกันอยู่เพียงผิวนอก มองตั้งแต่หัวที่เหมือนสลักเอาไว้เข้ารูป ไปจนถึงปลายหางแลดูเป็นพู่แล้วเรียวปลาย ก็ส่อให้เห็นได้ถึงความสง่างามและแววเฉลียวฉลาด ท่าทีอันเรียบร้อยของมันบอกให้เห็นถึงลักษณะอันน่ารักและเลือดสืบสายผู้ดีแบบหมาๆ ของมันได้ชัดเจน
นับเป็นเวลาถึงสี่ร้อยปีหรือกว่านั้นมาแล้ว ที่หมาพันธุ์นี้เป็นเพื่อนร่วมใจนักล่านานนับก่อนที่จะกำเนิดปืนลูกซองขึ้น บรรพสุนัขของอิงลิชเซ็ตเตอร์ ซึ่งเรียกกันแต่ก่อนว่า "เซ็ตติงสแปเนียล" ก็ชี้ให้นายเอาข่ายดักนกได้แล้ว ได้รับการฝึกให้ย่องเข้าหานกอย่างเงียบๆ แล้วก็ "เซ็ต" คือนั่งหรือหมอบ ขณะที่พรานเอาตาข่ายคลุมนก
ต่อมา "เซ็ตติงสแปเนียล" เหล่านี้ ได้ถูกฝึกให้ชี้นกเหมือนอย่างหมาของพรานปืนในปัจจุบัน ในยุคนั้นอาจจะมีพันธุ์พอยน์เตอร์ของสเปนหรืออังกฤษเข้ามาผสมข้ามพันธุ์บ้าง เพื่อเพาะหมาสำหรับล่าในทุ่งและเพื่อทำให้มีสัญชาตญาณในการชี้นกได้แข็งขันขึ้นตามสายเลือด จะอย่างไรก็ตามพันธุ์เซ็ตเตอร์ก็ได้แผกออกไปจากสแปเนียลโดยส่วนสัดคือ บางกว่าและสูงกว่า หัวก็ยาวกว่า และหางพวง
โดยที่เป็นหมาพรานโดยกำเนิด มันจึงเป็นหมาประจำปืนที่อาศัยได้ทุกอากาศและภูมิประเทศ เวลามีการประลองฝีมือการล่านกในสนาม อิงลิชเซ็ตเตอร์นี้นับว่าเป็นหมาเข้าแข่งขันที่นิยมกันมากที่สุด มันจะทำงานได้ยอดเยี่ยม ถูกฝึกมาอย่างไม่รีบร้อนหรือเร่งรัดเพราะหากมันได้ค่อยๆ เรียนรู้ของมันเองเสียหนหนึ่งแล้วมันจะไม่ลืมหรือละทิ้งบทเรียนของมันเลยทีเดียว
ในปี 1825 นายเอ็ดเวิร์ด ลาเวอร์แร็ก ชาวอังกฤษ ได้เลี้ยงหมาพันธุ์บริสุทธิ์นี้ไว้ฝูงหนึ่ง และเพื่อนชาวเวลช์ นายอาร์ แอล เพอร์เซล เลเวลลิน ซึ่งผสมข้ามพันธุ์เลือดอิงลิชเซ็ตเตอร์อื่นของลาเวอร์แร็ก
แบบของลาเวอร์แร็กนั้นส่วนใหญ่มุ่งให้เป็นหมาโชว์ ส่วนของเลเวลลินซึ่งตัวเบากว่าและปราดเปรียวกว่านั้นมุ่งไปทางล่าสัตว์
ในทางรูปร่างนั้น อิงลิชเซ็ตเตอร์เปลี่ยนแปลงไปเพียงเล็กน้อยในช่วงสองสามร้อยปีที่ผ่านมา และถือว่าการทำงานของมันนั้นเป็นพื้นฐานหลัก รูปร่างของมันจึงค่อนไปทางหมาพอยน์เตอร์ มีความรวดเร็วน้อยกว่า แต่ก็มีความระวังระไวมากกว่า
หมาเซ็ตเตอร์จงรักภักดีต่อนายของมันยิ่งนัก จะเห็นได้จากแววตาอันเฉลียวฉลาดของมัน หน้าผากของมันกว้าง ขนก็ยาวสลวยและเกือบจะเป็นเส็นเหยียดตรง โดยมีขนยาวตามแนวด้านหลังของขาทั้งหน้าและหลัง และท้องหางสีพื้นของลำตัวเป็นสีขาว โดยมีทั้งแต้มและป้ายสลับตามตัวเป็นสีดำบ้าง สีส้มบ้าง ไม่ก็สีตับ หรือสีมะนาว ส่วนสีที่แต้มมากๆ นั้นถือกันว่าไม่เหมาะจะเป็นหมาโชว์
ใต้ขนที่นุ่มวาวเป็นเส้นไหมนั้นจะเป็นกล้ามเนื้อที่แกร่งและทรงกำลัง
สูงเพียงไหล่ 22-25 นิ้ว นำ้หนัก 50-70 ปอนด์

วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

อเมริกัน วอเตอร์ สแปเนียล American Water Spaniel





กลุ่มพันธุ์สปอร์ต สแปเนียล Sporting Group- Spaniel

เป็นหมาพันธุ์บ้านนอกที่มีถิ่นกำเนิดที่ออกจะรางเลือนแต่ยอมรับกันว่าเป็นวอเตอร์สแปเนียลพันธุ์อเมริกัน เพราะเป็นเพียงหมาไม่กี่พันธุ์ที่อเมริกันเพาะเลี้ยงขึ้นมา เป็นหมาที่ล่าสัตว์ได้รอบตัวหลังจากสงครามกลางเมืองโดยเฉพาะทางภาคตะวันตกตอนกลาง ซึ่งเป็นถิ่นที่เพาะพันธุ์อย่างจริงจังหลายชั่วอายุคน หมาแคล่วคล่องจอมทรหดพันธุ์นี้ ไล่เกมได้ทั้งจากที่ลุ่มเป็นพรุหรือที่ที่เป็นสุมทุมบนบก และเป็นหมาเก็บเหยื่อที่หาพันธุ์อื่นทัดเทียมได้ยากในซุ้มที่ทึบที่สุดหรือในกระแสนำ้อันเย็นเฉียบเป็นนำ้แข็ง มันสามารถเสาะหาเหยื่อที่ถูกยิงแล้ว เช่น กระต่าย นกกระทา ไก่ดง ไก่ฟ้า หรือเป็ดนำ้ ได้อย่างรวดเร็ว
ตัวสั้นและเบากว่าญาติชาติไอริชของมันประมาณ 20 ปอนด์ และดูจะมีลักษณะค่อนไปทางสแปเนียลแท้มากกว่า ขนหนาๆ ทีปรกตัวมันนั้นหยิกและขมวดน้อยกว่า ขนบนหัวและที่ขาก็เรียบเหยียด สีขนนั้นมีตั้งแต่สีช็อคโกแลตแก่ไปจนถึงสีตับหมู หางเป็นพวงเหยียดๆ และกระดิกอยู่เสมอส่อถึงอารมณ์ดี ท้ังทีเป็นหมาทำงานในสนามอย่างหนักอยู่เป็นนิจ แต่ไม่เคยได้ออกโชว์กับเขาเลยจนกระทั้งปี 1940 เป็นหมาที่มีสัดส่วนดีและน่ารัก เป็นหมาล่าที่ขันแข็งและละเอียดรอบคอบ ทั้งยังเป็นหมาในบ้านอยู่กับครอบครัวและเฝ้าบ้านที่น่าพึงใจเป็นอย่างยิ่ง
สูงเพียงไหล่ 15-18 นิ้ว นำ้หนัก 28-40 ปอนด์

วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ไอริช วอเตอร์ สแปเนียล Irish Water Spaniel


กลุ่มพันธุ์สปอร์ต สแปเนียล Sporting Group- Spaniel

บนหัวเป็นกระจุกเหมือนพันธุ์อัฟกานฮาวนด์ ขนหยิกๆ เหมือน "หมานำ้" ของอังกฤษแต่ก่อน มีหน้าเกลี้ยงๆ สองข้างแก้มและหางเรียวเหมือนพอยน์เตอร์ และมีหูกับท่วงท่าเหมือนพูเดิลตัวใหญ่ มีต้นตระกูลย้อนหลังไปเช่นเดียวกับพันธุ์สแปเนียลบกถึงแหลมไอเบอเรียน นานนับเป็นศตวรรษๆ มาแล้ว ที่ได้มีสายเลือดผูกพันใกล้ชิดระหว่างรูปร่างพื้นฐานของหมาสแปเนียล พันธุ์สเปน ไอร์แลนด์ และไอริชที่เป็นประเภทหมานำ้(ซึ่งส่วนมากเชื่อกันว่ามาจากพันธุ์หมานำ้ของโปรตุเกส) เมื่อต้นศตวรรษที่ 19 นายจันติน แม็คคาร์ธี ผู้เพาะเลี้ยงสายพันธุ์ "หมาภาคใต้" สีตับหมูหรือสีนำ้ตาลเข้ม สายเลือดนี้เปลี่ยนไปเล็กน้อยจากคำพรรณาของแม็คคาร์ธีที่เขียนไว้เมื่อ 100 กว่าปีก่อนว่า "หัวของมันน่าจะเป็นหัวจุกเห็นได้ชัด ไม่ปรกเรี่ยราดลงมาเหมือนอย่างหมาพันธุ์นำ้ธรรมดา ๆ แตไต่ลงมาจากบนหัวเรื่อยลงมาบนหน้าผากจดดั้งจมูก ที่ลำตัวเต็มไปด้วยขนหยิกเป็นลอนเล็กๆ ที่มักจะพันติดกันเป็นสังกะตังในฤดูผลัดขน หางกลมโดยไม่มีขนห้อยอยู่ใต้ท่อนหางซึ่งสั้นและแข็งโด่ สีขนก็เป็นสีตับหมูไม่มีแต้มขาวเลย "
เมื่อข้ามทะเลไอริชมาสู่อังกฤษนั้น หมาพันธุ์ไอริชไม่เคยได้รับความนิยมเลย แต่อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติกพันธุ์นี้ปักหลักอยู่อย่างมั่นคงโดยเฉพาะในแถบสหรัฐภาคใต้ ซึ่งจะเห็นได้ทั้งในสนามล่าและตามงานโชว์หมา
ไอริช วอเตอร์ สแปเนียล เป็นหมาที่ว่ายนำ้แข็งอย่างทรหด และขนของมันนั้นเองที่ปกป้องจากนำ้ที่เย็นจัดที่สุดได้ บ้างก็ใช้มันเป็นหมาบก แต่ขนาดของมันซึ่งสูงกว่าสแปเนียลทั้งปวงทำให้มันช้าในยามที่มุดซุ้ม แต่ถ้าพาไปตามพรุหรือที่ลุ่มหนองคลองบึง ซึ่งพอมีโอกาสได้โจนตามเป็ดนำ้ที่ถูกยิงตกจะเห็นได้ทันทีว่า ไอริช วอเตอร์ สแปเนียลพันธุ์นี้วิเศษยังไง
สูงเพียงไหล่ 21-24 นิ้ว นำ้หนัก 45-46 ปอนด์


วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553

บริตทานี สแปเนียล Brittany Spaniel



กลุ่มพันธุ์สปอร์ต สแปเนียล Sporting Group- Spaniel

จากแคว้นบริตทานีของฝรั่งเศสที่สแปเนียลพิเศษพันธุ์นี้ได้กลายเป็นขวัญใจของบรรดานักกีฬาอเมริกัน เป็นพันธุ์สแปเนียลที่แผกออกไปสแปเนียลพันธุ์อื่นๆ ไล่สัตว์ให้ออกจากที่ซ่อน แต่พันธุ์นี้มันชี้เหยื่อของมันเหมือนกับพันธุ์เช็ตเตอร์ และยังมีลักษณะนอกกรอบพันธุ์สแปเนียลอีกอย่างหนึ่งคือมีหางสั้นจู๋อยู่นิดเดียว เป็นพันธุ์ที่ใหม่ในอเมริกา แต่เป็นพันธุ์ล่าสัตว์ที่เก่าแก่ที่สุดพันธุ์หนึ่งในยุโรป ต้นตระกูลอยู่เรียงรายไปตามแนวชายฝั่งเบรตองของฝรั่งเศส ซึ่งบ้างก็ว่าย้อนไปจนถึงสมัยกลางต้องมาจากพันธุ์สเปน พันธุ์เดียวกันกับที่มาเพาะเลี้ยงเป็นพันธุ์อังกฤษแต่มีขายาวกว่า และแบบของการล่าของมันก็คล้อยไปทางพันธุ์เช็ตเตอร์ ซึ่งอาจจะมีต้นตระกูลร่วมกับพันธุ์ไอริชเช็ตเตอร์ บริตทานีหางกุดตัวแรกนั้นเกิดในหมู่บ้านเบรตองแห่งเมืองปองตูเมื่อ 150 ปี เมื่อผสมในสายเลือดเดียวกันนานๆ เข้าสายเลือดก็เสื่อมลง แต่พอเปลี่ยนศตวรรษ อาร์เธอร์ เอโนด์ชาวฝรั่งเศสก็เอาพันธุ์พอยน์เตอร์ของฝรั่งเศสและอิตาลีเข้ามาผสมเพื่อรักษาสายเลือดของมันไว้ และเพื่อรักษาคุณภาพของต้นตระกูลมันด้วย ทุกวันนี้บริตทานีมีขายาวและแคล่วคล่อง มีขนหนาสีขาวแต้มด้วยสีส้มและนำ้ตาลแก่ เส้นขนที่ราบแบนๆ หรือหยิกหยักศกนั้นไม่เงาเป็นเส้นไหมเหมือนสแปเนียลพันธุ์อื่น หนังหย่อนๆ เป็นเครื่องกันหนามเกี่ยวได้อย่างดี ในช่วงเวลาไม่กี่สิบปี บริตทานีไปปรากฏโฉมที่สหรัฐมันก็ได้ทำชื่อไว้ลือลั่นทั่งสนามล่านก ทั้งบนเวทีประกวด และในบ้านเรือน
สูงเพียงไหล่ 17.5 -20.5 นิ้ว นำ้หนัก 30-40 ปอนด์

วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ฟีลด์ สแปเนียล Field Spaniel


กลุ่มพันธุ์สปอร์ต สแปเนียล Sporting Group- Spaniel

ตอนที่คนไปเห่อหมาแบบแฟชั่นกันเสียหมด เล่นเอาพันธุ์นี้แทบสาปสูญไปทีเดียว แต่มันก็วกกลับมาได้อย่างโดดเด่น มันถูกผสมขึ้นมาสำหรับให้ล่าในสุมทุมทึบโดยเอาพันธุ์เวลช์ค็อกเกอร์ไปผสมข้ามพันธุ์กับซัสเซ็กซ์จึงได้พันธุ์ค็อกเกอร์ที่ตัวหนักกว่าบึ้กบั้กกว่าออกมา นักล่านกจึงเริ่มหันมานิยมพันธุ์นี้
แล้วต่อมาในสมัยวิกเตอเรีย ก็นำมาผสมอีกให้เป็นหมาโชว์ โดยให้มีตัวยาว ขาสั้น ตัวยิ่งยาวและเตี้ยเท่าไหร่ก็ยิ่งมีราคาแพง พวกนักล่านกเลยเรียกพันธุ์อย่างนี้ว่า "หมาหนอน" เคราะห์ดีที่ความนิยมอย่างนี้มาเลิกร้างไป หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 พันธุ์ฟีลด์ สแปเนียลจึงกลับมามีขนยาว รูปร่างลำ่สันกันใหม่ ทุกวันนี้ถือกันว่าเป็นเพื่อนล่าสัตว์ที่มีสัดสวนดีมาก และเป็นนักเก็บนกชั้นดีทั้งบนบกและในนำ้ มันมีส่วนผสมของความงามและประโยชน์ในการใช้งานที่เหมาะ มีขนเงาเป็นเส้นไหมวาววาม "ราวกับขนกานำ้" แม้จะไม่นิยมอย่างพันธุ์สปริงเกอร์หรือค็อกเกอร์ก็ตาม แต่ก็เป็นหมาที่ทำงานได้ขันแข็ง หนักเอาเบาสู้ไม่ท้อถอย ตัวไม่โตจนเทอะทะ จะไล่นกไล่สัตว์จากใต้ซุ้มก็ว่องไว
สูงเพียงไหล่ 18 นิ้ว นำ้หนัก 35-50 ปอนด์

วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553

คลัมเบอร์สแปเนียล Clumber Spaniel


กลุ่มพันธุ์สปอร์ตสแปเนียล Sporting Group- Spaniel

ในทศวรรษที่ 1760 ท่านดุ๊กแห่งโนเอยย์ ในฝรั่งเศส ได้ประทานของขวัญแก่เพื่อนของท่านคือท่านดุ๊กแห่งนิวคาสเซิล เป็นหมาพันธุ์สแปเนียลตัวโตๆ หลายๆ ตัว ซึ่งท่านเพาะพันธุ์เอาไว้จนสามารถล่าสัตว์ได้ยอดเยี่ยม ท่านดุ๊กนิวคาสเซิลเลี้ยงไว้ที่คลัมเบอร์พาร์ก อันเป็นคฤหาสน์ในชนบทแบบอังกฤษ และ ณ ทีนั้นเอง ได้เพาะพันธุ์หมาเหล่านี้มาจนกลายเป็นพันธุ์ที่มีชื่อเสียงพันธุ์หนึ่งของอังกฤษมาจนบัดนี้
สแปเนียลจากคลัมเบอร์ เริ่มปรากฎตามคฤหาสน์ในชนบทของชนชั้นสูงเวลาออกล่าไก่ฟ้ากัน มันจึงเป็นหมาตัวโปรดของในวังมาหลายรัชสมัยและจัดว่าเป็น "หมาผู้ดีในกระบวนสแปเนียล" ด้วยกัน หมาพันธุ์นี้ออกล่านกกันเป็นทีม มันดาหน้ากันออกไปเป็นสิบราวกับทหารรุกตลอดแนว ซึ่งนับว่าน่าดูมาก มันวิ่งดาหน้าอย่างพอดีๆ ไม่เร็วนักเพือให้ปืนตามทันได้ แล้วมันจะค้นหาไม่ว่าจะเป็นสัตว์ปีกหรือสัตว์สีเท้าให้เตลิดจากที่ซ่อนโดยไม่เห่าสักนิดเดียว พอมีเสียงบินพรึบหรือเสียงปืน มันจะลงหมอบพร้อมกันหมด ราวกับนัดกันและเจ้าตัวไหนอยู่ใกล้นกที่ถูกยิงตก เจ้าตัวนั้นจะเป็นตัวที่เก็บ และแนวหมานี้ก็เคลื่อนที่ต่อไปเหมือนกับทหารอย่างไรอย่างนั้น
ตัวยาวและมีขาที่แข็งแรง พันธุ์คลัมเบอร์จึงเป็นสแปเนียลที่เทียบกันได้อย่างพันธุ์บาสเซ็ตกับพวกฮาวด์ ตัวสูงกว่าชนิดค็อกเกอร์เพียงหนึ๋งหรือสองนิ้ว แต่นำ้หนักตัวมากถึง 40 ปอนด์ ก็มี
พันธุ์นี้นับว่าตัวหนักที่สุดในกลุ่มสแปเนียล แต่ก็คล่องแคล่วว่องไว อารมณ์ดี ฝึกง่าย และจมูกไว สำหรับล่านกหรือจะเลี้ยงเป็นหมาในบ้านก็น่ารัก ขนที่ยาวเหยียดประดุจเส้นไหมนั้นสีขาว จะมีแต้มเป็นสีนำ้ตาลนิดหน่อยบริเวณหัว สูงเพียงไหล่ 17-18 นิ้ว นำ้หนัก 35-36 ปอนด์

วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ซัสเซ็กซ์ สแปเนียล Sussex Spaniel

กลุ่มพันธุ์สปอร์ต สแปเนียล Sporting Group- Spaniel

มีขนปุยเป็นสีนำ้ตาลแก่อมทองที่ผิดแผกไปกว่าสแปเนียลพันธุ์อื่นๆ และยังเป็นสัญลักษณ์ของพันธุ์นี้ด้วย เพราะสีที่แก่แสดงให้เห็นว่าได้เอาไปผสมข้ามพันธุ์กับฟีลด์สแปเนียลซึ่งอยู่ในสายเลือดเดียวกัน มันมักจะ "พูด" ไปด้วยเวลาล่าสัตว์ซึ่งเป็นลักษณะที่ไม่เหมือนกลุ่มสแปเนียล เวลาเอาไปประกวดหรือล่าสัตว์กันที่ไหน กรรมการตัดสินในสนามอาจจะทำหน้าที่ยู่ยี่เพราะนิสัยมันจะคุยไปเรื่อยเหมือนอย่างพวกพันธุ์ฮาวนด์ ได้เปรียบกว่าพวกอื่นตรงที่มุดซุ้มทึบที่สุดได้ พันธุ์ซัสเซ็กซ์นี้ได้พัฒนากันขึ้นตอนปลายศตวรรษที่ 18 เพื่อให้เหมาะกับสภาพภูมิประเทศในอังกฤษภาคใต้ อันเป็นถิ่นที่มันได้ชื่อมาคือซัสเซ็กซ์ ณ ที่นั้นมีเกมมากมายรั้วทึบๆ สุมทุมที่รกชัฏและป่าที่มีซุ้มเตี้ยที่หนาแน่นซึ่งต้องใช้หมาขาสั้นที่แข็งแรงที่จะดมกลิ่นติดดินไปได้ไม่ไกลจากนายผู้เป็นคนยิง และในภูมิประเทศเช่นนี้เองที่เจ้าซัสเซ็กซ์ตัวเตี้ยเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง มันจะดมกลิ่นติดดิน ลุยไปไม่ลดละใต้สุมทุมมากกว่าที่จะกระโจนข้ามหรือวิ่งวกวนทางโน้นทางนี้เหมือนอย่างสแปเนียลพันธุ์อื่นที่ฝีเท้าจัดกว่าเสียงที่มันเห่าหรือที่เรียกว่าคุยไปตลอดทางนั้น เป็นเครื่องหมายหรือสัญญาณอย่างหนึ่งที่บอกให้นายรู้ว่ามันอยู่ตรงไหน ตอนที่อังกฤษจัดงานโชว์หมาเมื่อปี 1859 เป็นหมาหนึ่งในจำนวนพันธุ์อื่นที่สโมสรอเมริกันต้องยอมรับนับถือ จมูกแม่น ทำงานแข็ง และว่าง่าย เป็นคุณสมบัติของมัน จึงนับว่าเป็นเพื่อนพรานชั้นดี และเป็นนักเก็บเหยื่อชั้นหนึ่งด้วย เป็นหมาที่มีอารมณ์รื่นเริง จึงเป็นหมาเลี้ยงเล่นในบ้านชั้นดีและเป็นเพื่อนเด็กชั้นเยี่ยมด้วย สูงเพียงไหล่ 15-16 นิ้ว นำ้หนัก 35-45 ปอนด์


วันพุธที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2553

อิิงลิช ค็อกเกอร์ สแปเนียล English Cocker Spaniel



กลุ่มพันธุสปอร์ตสแปเนียล Sporting Group- Spaniel

พันธุ์นี้มีสายเลือดโยงไปถึงกลุ่มอื่นๆ เช่น พันธุ์วอเตอร์สแปเนียลและทอยสแปเนียล ซึ่งเป็นหมาประเภทตุ๊กตา เป็นหมาล่านกที่นับว่าตัวเล็กที่สุดที่ได้ชื่อว่า "ค็อกเกอร์" ก็เพราะไล่นกออกจากซุ้มหนาๆ โดยเฉพาะพวกนกปากซ่อมดงได้เก่ง ตัวสูงกว่าแข็งแรงกว่า และมีขายาวกว่าญาติของมันที่อเมริกาเอาไปเพาะเลี้ยง ลักษณะหัวของมันเหมือนกับพันธุ์เช็ตเตอร์ โดยมีหน้ายาวซึ่งทำให้มันสามารถตะครุบนกตัวใหญ่ๆ ได้สะดวก ความเฉลียวฉลาดประกอบกับรู้จักเอาอกเอาใจและรักนาย ทำให้มันเป็นหมายอดนิยมในอังกฤษ สูงระดับไหล่ 15-17 นิ้ว นำ้หนัก 26-34 ปอนด์




วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เวลช์ สปริงเกอร์ สแปเนียล Welsh Springer Spaniel

กลุ่มพันธุ์สปอร์ตสแปเนียล Sporting Group- Spaniel

เป็นหมาคึกคักปราดเปรียวอยู่ได้ทุกถิ่นในโลก เพราะมันสามารถปรับตัวได้กับสภาวะอากาศต่างๆ สมรรถภาพของมันทนต่ออากาศที่ร้อนจัดเย็นจัดได้ ประกอบกับรูปร่างล่ำสันบึกบึนและทรหด ทำให้มันทั้งลุยนำ้เย็นๆ หรือล่าสัตว์อยู่นานๆ ก็ได้ เรียกว่าอยู่ในบ้านก็สบายนอกบ้านก็สบาย
ขนาดก็อยู่ในระหว่างพันธุ์อิงลิชค็อกเกอร์และอิงลิชสปริงเกอร์ รูปร่างสมส่วนแน่นปึ้ก ขนหนาทึบเหยียดตรงเป็นเส้นไหม สีเป็นสีทองแก่ๆ สลับขาว หูเล็กลงมาและเรียวไปทางปลายหู พันธุ์นี้บางทีก็เรียกว่า "เวลช์สแปเนียล"ให้ฟังง่ายๆ และในถิ่นฐานบ้านเกิดเรียกกันว่า "สตาร์ตเตอร์" เป็นหมาทำงานเลยไม่คอยปรากฎในฐานะหมาโชว์ คนเพาะพันธุ์นี้มานานนับศตวรรษๆ ก็เพื่อให้ไล่นกในภูมิประเทศทรุรกันดารในแคว้นเวลส์และอังกฤษภาคตะวันตก จึงเป็นหมาทีแข็งแรง ทนอากาศหนาวเหน็บ เก็บนกได้ฉมังและไม่ใช่เก่งบนบกอย่างเดียว ในนำ้ก็เก่ง จะเลี้ยงเป็นหมาในบ้าน ไว้ดูเล่นก็น่ารัก ช่างรู้ ตัวไม่โตมากเกินไป หน้าตาน่าคบ กับเด็กๆ มันช่างเอาใจและเป็นพี่เลี้ยงเด็กได้ดีด้วย แต่ถึงน่ารักน่าเลี้ยงพันธุ์นี้มีสายเลือดอิสระอยู่ จึงทำให้ฝึกยาก นี่เป็นเหตุหนึ่งที่ไม่ค่อยจะนิยมกันเหมือนสแปเนียลพันธุ์อื่นๆ และไม่ค่อยมีใครเลี้ยงในสหรัฐ แต่หากฝึกมาแต่ยังเล็ก มันจะเรียนรู้ได้เร็วและจดจำได้แม่นยำ
สูงประมาณ 17 นิ้ว นำ้หนักประมาณ 35-45 ปอนด์

อิงลิช สปริงเกอร์ สแปเนียล English Springer Spaniel



กลุ่มพันธ์ุสปอร์ตสแปเนียล Sporting Group- Spaniel

สุนัขพันธุ์นี้ฉลาดพอที่จะทันเกมกับไก่ฟ้า เพราะไก่ฟ้านั้นก่อนจะบินพรึบจากที่ซุ่ม ก็มักจะวิ่งซิกแซกไปตามพื้นดินเพื่อล่อหมาให้หันเหไปจากลูกๆของมันซึ่งยังเล็ก แต่การควานตามพื้นดินอย่างซิกแซ็กพอๆกันกับไก่ก็ไม่รอดพ้นจากการดมกลิ่นของมันไปได้ การเก็บนกมานี้นับว่าเป็นคุณสมบัติพิเศษของสปริงเกอร์ พวกนี้มันเป็นหมาที่ว่ายนำ้แข็ง โดดลงนำ้ที่เย็นเฉียบได้อย่างไม่รีรอเพื่อตามนก ฝ่าตีนของมันมีผังผืดอยู่นิดๆ ระหว่างนิ้วเหมือนๆ กับญาติของมันคือพวกวอเตอร์สแปเนียล จึงสามารถลุยนำ้ยำ่โคลนได้สะดวก กล้ามเนื้อที่คอใหญ่พอที่จะคาบนกได้อย่างสบาย เกือบจะเป็นหมาที่ใช้ได้รอบตัว หน้าตาท่าทางมันดูระแวดระวังไหวตัวอยู่เป็นนิจ มีหน้าอกกว้างและลึกซึ่งส่อถึงความแข่งแกร่งทรหด ขนพื้นสีขาวก็ดูเงางามโดยมีแต้มเป็นสีดำบ้าง สีนำ้ตาลแก่ นำ้ตาลอ่อนบ้างประไปทั้งตัว แล้วยังกันได้ทั้งนำ้ ทั้งสภาวะอากาศ และกันหนามตำเสียอีกด้วย
กล่าวกันว่าต้นตระกูลดั้งเดิมอยู่ที่สเปน เอามาฝึกมาเลี้ยงไว้ล่านกทั้งในอังกฤษและฝรังเศสเมื่อร่วมๆ600 ปีมาแล้ว จนถือกันว่าเป็นพันธุ์เฉพาะเอาเมื่อปี 1902 นี้เอง สุนัขพันธุ์นี้แต่แรกก็ลองเอาไปล่าร่วมกับหมาพันธุ์เกรย์ฮาวนด์และนกเหยี่ยวกับพรานที่ใช้ข่ายดัก และนับแต่นั้นมา พรานก็ต้องยอมรับนับถือที่ทำงานและดมกลิ่นได้ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสัตว์ประเภทมีปีก
ไม่ออกป่าจะให้มันอยู่เป็นเพื่อนเด็กก็ยังได้ เพราะเป็นหมาประเภทละมุนละม่อมไม่กระโชกโฮกฮาก เด็กๆมักจะรักและรักนายเป็นที่สุด ตัวสูงประมาณ 18-19 นิ้ว นำ้หนักประมาณ 42-50 ปอนด์


สายพันธุ์ กลุ่มพันธุ์สปอร์ตสแปเนียล



กลุ่มพันธุ์สปอร์ต Sporting Group

หมากลุ่มสปอร์ตนี้ ไม่ได้เอาแต่วิ่งเหมือนรถซิ่งอย่างเดียว หากแต่ใช้จมูกเป็นสำคัญ พอรู้ว่าเหยื่ออยู่ตรงไหน มันจะหยุดกึกเป็นเชิงบอกให้นายรู้ รู้กติกาดี พอเห็นนายยกปืนขึ้นตั้งท่า ก็พรวดเข้าไปทีเดียวตรงที่เหยื่อ ซึ่งส่วนมากมักจะเป็นนกคุ้ม นกกระทา หรือไก่ฟ้าซุ่มซ่อนอยู่ จนนกพรูขึ้นจากซุ้มหรือกอหญ้า แล้วนายก็ยิง ระหว่างที่นายยิงนั้น ตามันตามจับดูความเคลื่อนไหวของนกอยู่ตลอดเวลา พอนกตกนายก็สั่ง"ไปเก็บมา" มันก็จะวิ่งไปไม่ว่าจะเป็นในนำ้หรือบนบกต้องบุกบั่นไปเอามาจนได้ ได้แล้วก็มานั่งอยู่ตรงหน้านาย ส่งนกให้ ซึ่งนายก็จะตบหัวมันเบาๆ เป็นเชิงขอบใจเท่านั้นมันก็ชื่นใจแล้วในข้อที่ว่านายรับรู้การกระทำดีของมัน





วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2553

การออกกำลังกาย การดูแลด้านสุขภาพ

สุนัขทุกตัวจะต้องการการออกกำลังกายเป็นประจำทุกวันทำให้สุนัขแข็งแรง และเติบโตเพื่อให้มีสุขภาพที่ดี และตรงตามมาตรฐานพันธุ์นั้นๆ ปริมาณการออกกำลังจะขึ้นอยู่กับขนาดและสายพันธุ์ของพวกเขา หากเป็นสุนัขเด็กเขาจะได้ออกกำลังตามธรรมชาติก็เพียงพอแล้ว แต่อย่าพาออกไปก่อนที่จะฉีดวัคซีนครบ การพาสุนัขออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้านนั้นจะไม่เพียงทำให้เขามีสุขภาพดีเท่านั้นแต่ยังเป็นการเปิดโอกาส ให้เขาได้พบสิ่งต่างๆ และประสบการณ์ใหม่ที่น่าตื่นเต้นซึ่งรวมถึงการได้เจอกับสุนัขตัวอื่นๆ ด้วย(ใส่โซ่จูงแบบคล้องหน้าอกให้เพื่อการควบคุมและความปลอดภัยของสุนัข) สิ่งเหล่านี้จะช่วยพวกเขารู้จักการปรับตัว อีกทั้งยังช่วยป้องกันปัญหาทางด้านพฤติกรรมอีกด้วย การออกกำลังกายทุกอย่างจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลจากคุณ อย่าปลอยให้ลูกสุนัขหลุดออกไปนอกบ้านและต้องไปเผชิญโลกภายนอกตามลำพัง โดยปราศจากคุณอย่างเด็ดขาด
การดูแลด้านสุขภาพ
1. อาหาร และวิธีการให้รวมทั้งปริมาณการให้ในแต่ละวัน และแต่ละอายุ
2. การออกกำลังกาย ให้สุนัขแข็งแรงและเติบโตเพื่อให้มีสุขภาพที่ดี และตรงตามมาตรฐานพันธุ์นั้นๆ
3. การรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดต่อให้ถูกต้อง และครบถ้วนเพื่อให้มีภูมิคุ้มกันโรค ในระดับที่สามารถป้องกันโรคได้
4. การจัดการป้องกันพยาธิ ได้แก่การถ่ายพยาธิทั้งตัวแบนและตัวกลม รวมทั้งป้องกันพยาธิหนอนหัวใจ และพยาธิภายนอก ได้แก่ เห็บและหมัด
5. การจัดการอื่นๆ เช่น การอาบนำ้ดูแลขน ตรวจดูสิ่งแวดล้อมที่สุนัขอยู่ (มีการวางไข่ของเห็บหรือไม่)

วันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2553

การฝึกนิสัยและสังเกตพฤติกรรมสุนัข 4

การเห่าของสุนัข
1. เห่าเพื่อเป็นการเตือน การเห่าแบบนี้อาจจะเป็นที่ต้องการกับเจ้าของบางคน เพราะเป็นการเห่าเมื่อเจอคนแปลกหน้าหรือผู้บุกรุกเข้ามาในอาณาเขตของเขา
2. เห่าเพื่อเรียกร้องความสนใจ ส่วนใหญ่จะพบในลูกสุนัขเพื่อจะทำให้เราสนใจ แต่เราครวจะทำตรงข้ามกันคืออย่าสนใจ
3. เห่าเพราะตื่นเต้นหรือเล่น เสียงเห่าลักษณะนี้จะสั้นและแหลม
4. เห่าเพื่อแสดงตัว เหมือนกับเป็นการเห่าตอบสุนัขตัวอื่นๆ คล้ายๆ จะบอกว่า "ฉันอยู่นี่ไง"
5. เห่าเพราะเบื่อ หรือเพื่อเป็นการปลดปล่อยพลังงาน สุนัขหลายพันธุ์ต้องการการออกกำลังกาย ไม่งั้นจะอึดอัดและหาทางออกโดยการเห่าหรือทำนิสัยเสียอย่างอื่นแทน เช่น ขุดดิน กัดแทะ เป็นต้น
6. เห่าเพราะเหงาหรือรู้สึกกังวลใจ น้องหมาบางตัวติดเจ้าของมากหรืออาจมีการเปลี่ยนที่อยู่ หรือสิ่งแวดล้อมใหม่จะเกิดความรู้สึกกังวลใจขึ้น
7. เห่าเพราะตกใจ อาจเกิดจากการได้ยินเสียงแปลกๆ หรือเจออะไรที่ไม่คุ้นเคย
การฝึกนิสัยการเห่าของสุนัข
สุนัขที่เห่าเวลามีคนมาส่งจดหมาย คนวิ่งผ่านหน้าบ้าน หรือเด็กขี่จักรยานผ่าน พวกมันจะมีความคิดว่าตัวเองนี่เก่งจริงๆ เพราะสามารถเห่าจนคนเหล่านี้ผ่านไป และนี่คือปัญหาเพราะมันจะถูกพัฒนาจนกลายเป็นนิสัย เราอาจจะแก้ไขโดยการป้องกันไม่ให้สุนัขเห็นคนภายนอก แต่นั้นไม่ใช่วิธีแก้ไขทั้งหมด
สิ่งแรกเราต้องไม่ให้รางวัลกับสุนัขที่กำลังเห่าไม่วากรณีใดๆ เช่น เห่าเพื่อขอของกิน ถ้าเราให้สุนัขก็จะเห่าทุกครั้งเพื่อขอของกิน เราต้องหาสัญญาณที่จะทำให้เขารู้ว่าครวจะหยุดได้แล้ว เช่นคำว่า"พอแล้ว" การฝึกทำโดยเมื่อสุนัขเริ่มเห่าได้ครั้งสองครั้งให้เราดึงความสนใจของสุนัขมาที่เราโดยเคาะประตู (ถ้าอยู่ที่ประตู) เมื่อสุนัขหยุดเห่าให้พูดคำว่า "พอแล้ว" และให้รางวัลกับเขา เช่น ขนมหรือคำชมต่างๆ ถ้ายังไม่หยุดเห่าเอาขนมไปให้ดมใก้ลๆ จมูก เมื่อเขาหยุดให้พูดคำว่า "พอแล้ว" รออีกสักพักถ้ายังเงียบอยู่ก็ให้กินขนมหรือให้คำชมอีกครั้ง ยำ้คุณต้องมั่นใจว่าเขาหยุดเห่าจริงๆ ถึงค่อยให้ ใช้นำ้เสียงเรียบๆ อย่าตะโกนเขาจะคิดว่าคุณร่วมเชียร์ด้วย
การออกกำลังกายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี สุนัขที่ได้รับการออกกำลังกายอย่างพอเหมาะมักจะไม่เห่า เพราะไม่เบื่อ หรือกระวนกระวาย ที่แน่ๆ คือเหนื่อย ครวระลึกไว้เสมอว่าการฝึกทุกชนิดต้องใช้เวลาจะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับคุณและความอดทนของคุณ หลีกเลี่ยงการทำโทษทางร่างกาย เพราะนั้นจะทำให้เขากลัวคุณมากกว่าการเปลี่ยนนิสัย