กลุ่มพันธุ์ฮาวนด์ Hound Group บาเซนจิ Basenji
เป็นหมาที่ไม่เห่าเยี่ยงหมา และทำความสอาดตัวมันเองเหมือนแมว เป็นพันธุ์โบราณที่สุดพันธุ์หนึ่ง ตามรูปแกะสลักของชาวอียิปต์เมื่อ 5,000 ปี แสดงให้เห็นพันธุ์นี้ หูตั้ง หางขมวด ในตอนนั้นก็เป็นหมาคู่ใจของ ผู้ดีชาวอียิปต์ และแล้วก็สาปสูญไป มาโผล่อีกทีเมื่อปลายศตวรรษที่ 19 โดยพวกสำรวจในแคว้นคองโก
ในช่วงที่หายสาปสูญไปจากความรู้จักของคนอื่นนั้น หมาพันธุ์นี้ก็ได้ช่วยไล่ต้อนสัตว์ให้นายที่เป็นหัวหน้าเผ่า ที่มักจะแขวนกระดิ่งที่ทำจาก กระโหลกนำ้เต้า ใว้ที่คอ เพื่อให้สัตว์ที่ซ่อนอยู่ในรกในพงแตกตื่นออกมา ชอบกระโดดโหยงๆ และสูงๆ ให้พ้นกอหญ้ากอพงเพือให้เห็น ทางไปข้างหน้า
มีคนนำหมาพันธุ์นี้เข้าไปเลี้ยงในสหรัฐ และอังกฤษ ในทศวรรษที่ 1930 เป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว ตัวก็มีขนาด ฟ็อกซ์เทอเรียร์ ลีลาท่าทางเหมือนเก้งกวางตัวย่อมๆ ขนเป็นเงามีทั้งสี ทองแดง ดำ แบ็ลกแอนด์แทน
ชอบเลียขนที่สั้นเกรียนของมันให้สะอาดปราศจากกลิ่นอยู่เป็นประจำ เป็นหมาที่น่าเลี้ยงเล่นเพราะรักนาย ขี้เล่น และมักจะเงียบ ซึ่งเหมาะสำหรับเลี้ยงในเมืองหรือชานเมือง
สูงเพียงไหล่ 16-17 นิ้ว นำ้หนัก 22-24 ปอนด์
ที่มา : สัตว์เลี้ยงแสนรัก โดย จำเนียร เหมะรัต
การต้อนรับและเลี้ยงดูสมาชิกใหม่ หลักการเลือกอาหารสำเร็จรูปของสุนัข การฝึกการขับถ่าย การอาบนำ้สุนัข การแปลงขน การตัดเล็บ การตรวจสุขภาพสุนัข การฉีดวัคซีน การฝึกนิสัยและสังเกตพฤติกรรมสุนัข การออกกำลังกาย การดูแลด้านสุขภาพ หลักในการผสมพันธุ์สุนัข สายพันธุ์สุนัข กลุ่มพันธุ์สปอร์ตSporting Group -สแปเนียลspaniel -เซ็ตเตอร์setter -รีทรีฟเวอร์retriever-พอยน์เตอร์pointer กลุ่มพันธุ์ฮาวนด์Hound Group
วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555
วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2555
กลุ่มพันธุ์ฮาวนด์ Hound Group โรดีเซียน ริดจ์แบก Rhodesian Ridgeback
เป็น หมาหลังอาน ในเมืองไทย มีเยอะที่จังหวัดพิษณุโลก และฝั่งทะเลทางอ่าวไทยตะวันออก หมาหลังอานที่ตำบลบางแก้ว พิษณุโลกนั้น กล่าวกันว่าฉลาดเป็นอย่างยิ่ง ทางทหาร ตำรวจ ตชด.ได้ทดลองนำมาเลี้ยงให้เป็นสุนัขสนับสนุนในการรบ ก็ปรากฎว่ามีปฎิภาณไหวพริบอย่างยอดเยี่ยม ไม่แพ้พันธุ์ใด
หมาหลังอานนั้นมักจะฉลาด ทั้งๆที่มันมีเลือดผสม สมาคมสุนัขพันธุ์อเมริกาเอง มายอมรับนับถือว่าเป็น สุนัขพันธุ์ใหม่เมื่อปี 1955 โดยถือว่าเป็นสุนัขพันธุ์บริสุทธิ์ ลำดับที่ 112 มามีชื่อ เพราะประวัติของพันธุ์นี้ในแอฟริกา ในท้องถิ่นกำเนิดของพันธุ์นี้มีความไม่ย่อท้อสามารถเอาชนะสิงโตให้จนมุมได้ จึงได้สมญาในถิ่นนั้นว่า " หมาล่าสิงห์แห่งอัฟริกา "
ตอนที่พวกดัตช์ เยอรมัน ฮูยือโนต์(ฝรั่งเศสนับถือนิกายโปแตสแตนต์) มาตั้งรกรากถิ่นฐาน ขึ้นในอัฟริกา ในศตวรรษที่ 17 และ 18 ได้พาสุนัขพันธุ์ เกรดเดน บลัดฮาวนด์ และพันธุ์ยุโรปอื่นๆ ซึ่งมาผสมข้ามพันธุ์กัน กับพันธุ์ที่ พวกฮ็อตเต็นต็อต คือ คนท้องถิ่นเผ่านีกรอยด์ในแอฟริกาใต้ ใช้ล่าสัตว์ สุนัขพันธุ์แอฟริกา นั้นหลังอาน จึงเป็นต้นเรื่องของการเอาชื่อ มาเป็นชื่อพันธุ์
ขนที่แบนราบและตั้งเป็นสันกลางหลัง เป็นสันตั้งแต่เอวจนถึงไหล่ และเส้นขนทวนกลับทาง ของขนเส้นอื่นซึ่งสั้นเกรียนและเป็นเงา
เป็นหมาที่เหมาะเจาะกับวิถีดำเนินชีวิตในแอฟริกา ปราดเปรียวและองอาจ ทรหดแม้ในเรื่องกินอยู่ กลางวันร้อน กลางคืนหนาวก็ทนได้ อดนำ้ได้ถึง 24 ชั่วโมง เฝ้าไร่เฝ้านา ทีเปลี่ยวๆ ได้ และเป็นเพื่อนอย่างดีแก่สตรีและเด็ก
ในปี 1877 มิชชันนารีผู้หนึ่งได้นำไปเลี้ยงที่เมืองโรดีเซีย พวกพรานล่าสัตว์ใหญ่ชอบใจนิยม ในความทรหด องอาจ ตลอดจนจมูกและตาอันฉับไวของมันนั้นเอง เกิดประโยชน์อย่างยิ่งแก่นักล่าสัตว์ที่ใช้มันเป็นฝูงแกะรอยสิงโต ซึ่งมันก็จะล้อมหน้าล้อมหลังจนกระทั้งนายซึ่งขี่ม้าตามมาทันสังหาร
พวกนักเลี้ยงหมาใว้ดูเล่นในโรดีเซียก็ได้เพาะพันธุ์ให้เข้ามาตรฐานในปี 1922 และมาถึงสหรัฐในช่วงปี 1930 เป็นหมาเงียบๆและเรียบร้อย รับตัวเองเข้ากับชีวิตในเมืองหรือในชนบทก็ได้ ฝึกก็ง่าย ชอบเด็กและมักชอบประจบนาย
สีของหลังอาน เป็นสีอ่อนเหมือนสีข้าวสาลี จางบ้างแก่บ้างซึ่งบางทีก็มีด่างบ้างตามเท้าและอก เป็นหมาหูตก ไม่ถึงขั้นตูบและมีหางยาวเรียว
สูงเพียงไหล่ 24-27 นิ้ว นำ้หนัก 65-75 ปอนด์
ที่มา : สัตว์เลี้ยงแสนรัก โดย จำเนียร เหมะรัต
หมาหลังอานนั้นมักจะฉลาด ทั้งๆที่มันมีเลือดผสม สมาคมสุนัขพันธุ์อเมริกาเอง มายอมรับนับถือว่าเป็น สุนัขพันธุ์ใหม่เมื่อปี 1955 โดยถือว่าเป็นสุนัขพันธุ์บริสุทธิ์ ลำดับที่ 112 มามีชื่อ เพราะประวัติของพันธุ์นี้ในแอฟริกา ในท้องถิ่นกำเนิดของพันธุ์นี้มีความไม่ย่อท้อสามารถเอาชนะสิงโตให้จนมุมได้ จึงได้สมญาในถิ่นนั้นว่า " หมาล่าสิงห์แห่งอัฟริกา "
ตอนที่พวกดัตช์ เยอรมัน ฮูยือโนต์(ฝรั่งเศสนับถือนิกายโปแตสแตนต์) มาตั้งรกรากถิ่นฐาน ขึ้นในอัฟริกา ในศตวรรษที่ 17 และ 18 ได้พาสุนัขพันธุ์ เกรดเดน บลัดฮาวนด์ และพันธุ์ยุโรปอื่นๆ ซึ่งมาผสมข้ามพันธุ์กัน กับพันธุ์ที่ พวกฮ็อตเต็นต็อต คือ คนท้องถิ่นเผ่านีกรอยด์ในแอฟริกาใต้ ใช้ล่าสัตว์ สุนัขพันธุ์แอฟริกา นั้นหลังอาน จึงเป็นต้นเรื่องของการเอาชื่อ มาเป็นชื่อพันธุ์
ขนที่แบนราบและตั้งเป็นสันกลางหลัง เป็นสันตั้งแต่เอวจนถึงไหล่ และเส้นขนทวนกลับทาง ของขนเส้นอื่นซึ่งสั้นเกรียนและเป็นเงา
เป็นหมาที่เหมาะเจาะกับวิถีดำเนินชีวิตในแอฟริกา ปราดเปรียวและองอาจ ทรหดแม้ในเรื่องกินอยู่ กลางวันร้อน กลางคืนหนาวก็ทนได้ อดนำ้ได้ถึง 24 ชั่วโมง เฝ้าไร่เฝ้านา ทีเปลี่ยวๆ ได้ และเป็นเพื่อนอย่างดีแก่สตรีและเด็ก
ในปี 1877 มิชชันนารีผู้หนึ่งได้นำไปเลี้ยงที่เมืองโรดีเซีย พวกพรานล่าสัตว์ใหญ่ชอบใจนิยม ในความทรหด องอาจ ตลอดจนจมูกและตาอันฉับไวของมันนั้นเอง เกิดประโยชน์อย่างยิ่งแก่นักล่าสัตว์ที่ใช้มันเป็นฝูงแกะรอยสิงโต ซึ่งมันก็จะล้อมหน้าล้อมหลังจนกระทั้งนายซึ่งขี่ม้าตามมาทันสังหาร
พวกนักเลี้ยงหมาใว้ดูเล่นในโรดีเซียก็ได้เพาะพันธุ์ให้เข้ามาตรฐานในปี 1922 และมาถึงสหรัฐในช่วงปี 1930 เป็นหมาเงียบๆและเรียบร้อย รับตัวเองเข้ากับชีวิตในเมืองหรือในชนบทก็ได้ ฝึกก็ง่าย ชอบเด็กและมักชอบประจบนาย
สีของหลังอาน เป็นสีอ่อนเหมือนสีข้าวสาลี จางบ้างแก่บ้างซึ่งบางทีก็มีด่างบ้างตามเท้าและอก เป็นหมาหูตก ไม่ถึงขั้นตูบและมีหางยาวเรียว
สูงเพียงไหล่ 24-27 นิ้ว นำ้หนัก 65-75 ปอนด์
ที่มา : สัตว์เลี้ยงแสนรัก โดย จำเนียร เหมะรัต
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)