วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ขายลูกสปิตซ์ผสมปอมขาว ขายสุนัขไฮบริดHybrid Dogs สุนัขดีไซน์เนอร์Desingner Dog
แม่เป็นสปิตซ์แท้ พ่อเป็นปอมขาวแท้ เกิด 20 พ.ย. 56 เพศเมีย 3 ตัว (ในภาพ อายุ 34วัน ถ่าย ณ วันที่ 24 ธ.ค.56)
เกิด 20 พ.ย.56

เพศเมีย นำ้หนัก 700 g

เพศเมีย นำ้หนัก 750 g

เพศเมีย นำ้หนัก 800 g

ขาย สปิตซ์ผสมปอมขาว หล่อขั้นเทพ สวยเหนือชั้น และ มีลูกสปิตซ์แท้ หล่อขั้นเทพ สวยเหนือชั้น ขาย
สนใจจองด่วน 086-875-9694                                                                  
#ลูกสุนัขถูกฝึกให้ "ขับถ่าย หนัก เบา " บนกระดาษหนังสือพิมพ์ หากต้องการให้ น้องหมา "วางทุ่น" ตรงไหน โปรดปูกระดาษหนังสือพิมพ์ ใว้
#โปรดแช่ อาหารเม็ดให้นิ่ม(ด้วยนำ้ต้มสุก) ก่อนให้หนูทาน
#หากอยากให้หนูกินนม ขอเป็น นมแพะ นมแกะ
#กรุณานำหนูไป กระตุ้นซำ้วัคซีน ตรงวันตามนัดด้วยค่ะ
#สนใจดูรูป และรายละเอียดเพิ่มเติม _facebook__ad   Poomjai Udomthanatheera 


 

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

กลุ่มพันธุ์ฮาวนด์ Hound Group บาเซนจิ Basenji

            เป็นหมาที่ไม่เห่าเยี่ยงหมา และทำความสอาดตัวมันเองเหมือนแมว เป็นพันธุ์โบราณที่สุดพันธุ์หนึ่ง ตามรูปแกะสลักของชาวอียิปต์เมื่อ 5,000 ปี แสดงให้เห็นพันธุ์นี้ หูตั้ง หางขมวด ในตอนนั้นก็เป็นหมาคู่ใจของ ผู้ดีชาวอียิปต์ และแล้วก็สาปสูญไป มาโผล่อีกทีเมื่อปลายศตวรรษที่ 19 โดยพวกสำรวจในแคว้นคองโก

             ในช่วงที่หายสาปสูญไปจากความรู้จักของคนอื่นนั้น หมาพันธุ์นี้ก็ได้ช่วยไล่ต้อนสัตว์ให้นายที่เป็นหัวหน้าเผ่า ที่มักจะแขวนกระดิ่งที่ทำจาก กระโหลกนำ้เต้า ใว้ที่คอ เพื่อให้สัตว์ที่ซ่อนอยู่ในรกในพงแตกตื่นออกมา ชอบกระโดดโหยงๆ และสูงๆ ให้พ้นกอหญ้ากอพงเพือให้เห็น ทางไปข้างหน้า

              มีคนนำหมาพันธุ์นี้เข้าไปเลี้ยงในสหรัฐ และอังกฤษ ในทศวรรษที่ 1930 เป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว ตัวก็มีขนาด ฟ็อกซ์เทอเรียร์ ลีลาท่าทางเหมือนเก้งกวางตัวย่อมๆ ขนเป็นเงามีทั้งสี ทองแดง ดำ แบ็ลกแอนด์แทน

             ชอบเลียขนที่สั้นเกรียนของมันให้สะอาดปราศจากกลิ่นอยู่เป็นประจำ เป็นหมาที่น่าเลี้ยงเล่นเพราะรักนาย ขี้เล่น และมักจะเงียบ ซึ่งเหมาะสำหรับเลี้ยงในเมืองหรือชานเมือง
           
สูงเพียงไหล่   16-17  นิ้ว    นำ้หนัก   22-24   ปอนด์


ที่มา : สัตว์เลี้ยงแสนรัก โดย จำเนียร เหมะรัต




วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2555

กลุ่มพันธุ์ฮาวนด์ Hound Group โรดีเซียน ริดจ์แบก Rhodesian Ridgeback
           เป็น หมาหลังอาน ในเมืองไทย มีเยอะที่จังหวัดพิษณุโลก และฝั่งทะเลทางอ่าวไทยตะวันออก หมาหลังอานที่ตำบลบางแก้ว พิษณุโลกนั้น กล่าวกันว่าฉลาดเป็นอย่างยิ่ง ทางทหาร ตำรวจ ตชด.ได้ทดลองนำมาเลี้ยงให้เป็นสุนัขสนับสนุนในการรบ ก็ปรากฎว่ามีปฎิภาณไหวพริบอย่างยอดเยี่ยม ไม่แพ้พันธุ์ใด 
           หมาหลังอานนั้นมักจะฉลาด ทั้งๆที่มันมีเลือดผสม สมาคมสุนัขพันธุ์อเมริกาเอง มายอมรับนับถือว่าเป็น สุนัขพันธุ์ใหม่เมื่อปี 1955  โดยถือว่าเป็นสุนัขพันธุ์บริสุทธิ์ ลำดับที่ 112 มามีชื่อ เพราะประวัติของพันธุ์นี้ในแอฟริกา ในท้องถิ่นกำเนิดของพันธุ์นี้มีความไม่ย่อท้อสามารถเอาชนะสิงโตให้จนมุมได้  จึงได้สมญาในถิ่นนั้นว่า " หมาล่าสิงห์แห่งอัฟริกา "
             ตอนที่พวกดัตช์ เยอรมัน ฮูยือโนต์(ฝรั่งเศสนับถือนิกายโปแตสแตนต์) มาตั้งรกรากถิ่นฐาน ขึ้นในอัฟริกา ในศตวรรษที่ 17 และ 18 ได้พาสุนัขพันธุ์ เกรดเดน บลัดฮาวนด์ และพันธุ์ยุโรปอื่นๆ ซึ่งมาผสมข้ามพันธุ์กัน กับพันธุ์ที่ พวกฮ็อตเต็นต็อต คือ คนท้องถิ่นเผ่านีกรอยด์ในแอฟริกาใต้ ใช้ล่าสัตว์ สุนัขพันธุ์แอฟริกา นั้นหลังอาน จึงเป็นต้นเรื่องของการเอาชื่อ มาเป็นชื่อพันธุ์
              ขนที่แบนราบและตั้งเป็นสันกลางหลัง เป็นสันตั้งแต่เอวจนถึงไหล่ และเส้นขนทวนกลับทาง ของขนเส้นอื่นซึ่งสั้นเกรียนและเป็นเงา
              เป็นหมาที่เหมาะเจาะกับวิถีดำเนินชีวิตในแอฟริกา ปราดเปรียวและองอาจ ทรหดแม้ในเรื่องกินอยู่ กลางวันร้อน กลางคืนหนาวก็ทนได้ อดนำ้ได้ถึง 24 ชั่วโมง เฝ้าไร่เฝ้านา ทีเปลี่ยวๆ ได้ และเป็นเพื่อนอย่างดีแก่สตรีและเด็ก
               ในปี 1877 มิชชันนารีผู้หนึ่งได้นำไปเลี้ยงที่เมืองโรดีเซีย พวกพรานล่าสัตว์ใหญ่ชอบใจนิยม ในความทรหด องอาจ ตลอดจนจมูกและตาอันฉับไวของมันนั้นเอง เกิดประโยชน์อย่างยิ่งแก่นักล่าสัตว์ที่ใช้มันเป็นฝูงแกะรอยสิงโต ซึ่งมันก็จะล้อมหน้าล้อมหลังจนกระทั้งนายซึ่งขี่ม้าตามมาทันสังหาร
                พวกนักเลี้ยงหมาใว้ดูเล่นในโรดีเซียก็ได้เพาะพันธุ์ให้เข้ามาตรฐานในปี 1922 และมาถึงสหรัฐในช่วงปี 1930 เป็นหมาเงียบๆและเรียบร้อย รับตัวเองเข้ากับชีวิตในเมืองหรือในชนบทก็ได้ ฝึกก็ง่าย ชอบเด็กและมักชอบประจบนาย
                สีของหลังอาน เป็นสีอ่อนเหมือนสีข้าวสาลี จางบ้างแก่บ้างซึ่งบางทีก็มีด่างบ้างตามเท้าและอก เป็นหมาหูตก ไม่ถึงขั้นตูบและมีหางยาวเรียว




                สูงเพียงไหล่   24-27    นิ้ว    นำ้หนัก  65-75    ปอนด์




ที่มา :  สัตว์เลี้ยงแสนรัก โดย จำเนียร เหมะรัต









วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

กลุ่มพันธุ์ฮาวนด์Hound Group นอร์วีเจียนเอ็ลก์ฮาวนด์Norwegian Elk-Hound




นอร์วีเจียน เอ็ลก์ฮาวนด์ Norwegian Elk-Hound


ตอนที่มนุษย์ยุคหินล่าสัตว์กันตามเขาที่รกชัฏไปด้วยป่าแถบสแกนดิเนเวียนั้น ก็มีหมานอร์วีเจียน เอ็ลก์ฮาวนด์ วิ่งเคียงข้างไปด้วยแล้ว พบซากของมันใน สตราตัม คือ หน่วยย่อยชั้นหิน อันเป็นชั้นหิน ทราย ดิน ที่กำเนิดขึ้นบนเปลือกโลก ซึ่งนับเวลาแล้วก็ถอยหลังไป 4,000 ถึง 5,000 ปี ก่อนคริสตกาล
นับแต่นั้นแล้วหมาพันธุ์นี้ได้เปลี่ยนแปลงไปเพียงเล็กน้อย รูปร่างแข็งแรงลำ่บึ๊ก อกกว้างและลึก หน้าสีนำ้ตาลกางและกว้าง ดูแล้วเหมือนเอาพันธุ์เช็พเพิร์ด มาอัดเข้าไปให้แน่นๆ ขนที่กระด้างและทึบก็เป็นสีเทาเงินและจางลงไปทางด้านใต้ท้องหางพวง นั้นเชิดกระดกขึ้นเป็นหางงอ
นับศตวรรษมาแล้วที่หมาเหล่านี้ล่าหมีให้แก่ชาวไวกิ้ง แกะรอยกวางเอ็ลก์ในยุโรป เวลาออกล่าหมานี้ตระเวณออกไปไกล จมูกก็สูดกลิ่นไปเรื่อยๆ ท่ามกลางอากาศเยือกเย็น ส่วนหูก็คอยฟังเสียงที่อาจจะแว่วมาจากที่ไกลไปด้วย พวกพรานอ้างว่าหมาพันธุ์นี้สามารถจับกลิ่น หรือมีญาณสำนึกรู้แหล่งเหยื่อของมันได้ แม้อยู่ห่างออกไปถึงสามไมล์ ซึ่งจะรู้ได้ก็ตอนที่มันร้องหงิงๆ ขึ้นมาทันที เป็นการเตือนนาย ให้รู้ว่ากวางเริ่มออกวิ่งแล้ว พอปล่อยมันออกไปมันก็พยายามจะวิ่งดักหน้า ตัดทางหนี กวางเอ็ลก์นั้นบางตัว วัดจากหัวถึงบั้นท้าย 11 ฟุต พอประจันหน้ากัน หมามันก็เต้นหน้าเต้นหลัง เข้าๆออกๆ คอยล่อกวางไว้ หากกวางพุ่งเข้าใส่ หมาก็คอยหลบฉาก แล้วก็ล่อให้กวางเข้าขวิดอีก ปากก็เห่าท้าทายยั่วกวางไม่ลดละ เพื่อถ่วงเวลารอให้นายมาถึง
ชาวสแกนดิเนเวียได้ใช้หมาพันธุ์นี้เทียมเลื่อนด้วยเหมือนกัน และใช้ได้เหมือนหมาลากเลื่อน หมาเลี้ยงแกะ และเฝ้ายาม คอยไล่สัตว์ประเภทกัดกวนสัตว์เลี้ยงจากไร่นา คอยเตือนเวลามีคนแปลกหน้ามา แล้วก็อารักขาผู้เป็นแขกไปจนถึงบ้าน
จนกระทั่งถึงปี 1880 หมาพันธุ์นี้จึงได้ละถิ่นฐานบนเทือกเขา มาโชว์ฟอร์มในฐานะหมาประจำปืน เป็นอ็อตเตอร์ฮาวนด์และหมาโชว์ในอังกฤษ เข้ามาในสหรัฐในชั้นแรกเป็นหมาเลี้ยงเล่นในบ้าน
เป็นหมาที่รักสะอาด มีความจงรักภักดีอย่างยิ่ง และวางใจได้ เลี้ยงลูกเก่ง

สูงเพียงไหล่ 18-20.5 นิ้ว นำ้หนัก 43-50 ปอนด์

วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554

กลุ่มพันธุ์ฮาวนด์Hound Group ดัชชุนด์ Dachshund



ดัชชุนด์ Dachshund


หมาพันธุ์นี้รูปร่างมาตรฐานต้องตัวยาว สามเท่าของความสูงเพียงไหล่จึงจัดว่าหล่อ เป็นหมาที่ถูกฝึกมาให้แกะรอยสัตว์ที่ขุดโพรงอยู่ในดินแล้วค่อยๆเบียดตัวลงไปลากมันออกมา ซึ่งหมาที่จะทำอย่างนี้ได้ ตัวต้องเตี้ย ขาแข็งแรง หนังก็ต้องหย่อนๆ จะได้ขยับเนื้อขยับตัวได้ในช่องแคบๆหรือคับๆ และต้องมีใจสู้อีกด้วยยามเมื่อเจอเข้ากับศัตรูในโพรง ที่มันจะสู้ เสียงเห่าของมันนั่นแหละที่บอกให้รู้ว่าครวจะขุดที่ตรงไหน
ในยุโรปสมันกลางหมาทีมีคุณสมบัติดังกล่าวเรียกกันว่า หมาแบ็ดเยอร์ เมื่อกาลเวลาล่วงไป หมาดัชชุนด์ของเยอรมันก็วิวัฒนาการไปผนวกเอาคุณสมบัติของหมาฮาวนด์กับหมาเทอเรียร์ไว้ด้วยกัน โดยมีจมูกไวแกะรอยเก่งของหมาฮาวนด์ มีหูยาว มีท่าทีอันน่ารัก และลักษณะของหมาเทอเรียร์คือ การพึ่งตนเอง จิตใจมั่นคง แกล้วกล้า มีหัวบางๆเรียวๆ หน้าอกที่ลึกเต็มไปด้วยมัดกล้าม ทำให้ขาหน้าที่สั้นของมันนั้นขุดดินเก่งเป็นอย่างยิ่ง
คนเยอรมันเรียก เท็กเกล ซึ่งหมายถึง เทกาล หมาที่สถิตอยู่บนอนุสาวรีย์ของพระเจ้าฟาโรห์ ก็เลยตั้งสมาคมหมาดัชชุนด์แห่งแรกขึ้นเรียกว่า เท็กเกลคลับ เมื่อปี 1888
นักเพาะเลี้ยงต่างก็เพาะพันธุ์ต่างๆ ขึ้นมาใหม่ให้มีขนเรียบบ้าง ขนหยิกบ้าง ขนยาวบ้าง พันธุ์ดั้งเดิมนั้นนำ้หนักตัวร่วม 35 ปอนด์ ก็ค่อยๆย่นย่อลง สำหรับดัชชุนด์ขนาดจิ๋วนั้นหนักไม่ถึง 8.8 ปอนด์ ตอนอายุ 1 ขวบ เป็นอัตรานำ้หนักที่จำแนกพิเศษในเยอรมัน
หมาดัชชุนด์ของยุโรปยังล่าตัวแบ็ดเยอร์อยู่บ้าง บางทีก็ล่ากระต่าย หมาจิ้งจอก กวาง โดยไม่ทำให้กวางตื่นเสียด้วย
ในสหรัฐนิยมเลี้ยงดัชชุนด์ไว้เป็นหมาเลี้ยงดูเล่นมานาน เมื่อปี 1958 หมานี้ มาเป็นอันดับสี่ของความนิยม โดยที่กลิ่นสะอาด เนื้อตัวก็สะอาด มีลัษณะเป็นมิตร และดูน่าขำ มักต้อนรับแขกผู้มาเยือนด้วยการเห่าทักทาย หากเป็นคนคุ้นเคยก็ชอบลงนอนกลิ้งหงายท้องให้เขาจ้ีเล่น เวลาออกตามชนบทมักจะวิ่งขนาบนายทีเดียว จะเถลไถลบ้างเมื่อได้กลิ่น จะไปไหนไปกันกับพวกเด็กๆและเวลาทีเขาหัวเราะเยาะมัน มันก็จะเห่าตอบบ้าง
สูงเพียงไหล่ 7-10 นิ้ว นำ้หนัก 12-22 ปอนด์

วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

กลุ่มพันธุ์ฮาวนด์Hound Group แบล็ก แอนด์ แทน คูณฮาวนด์ Black and Tan Coonhound




แบล็ก แอนด์ แทน คูณฮาวนด์ Black and Tan Coonhound





เป็นผู้เชี่ยวชาญในการล่า ยามคำ่คืนในป่าที่แสนมืด เป็นหมาแกะรอยหนึ่งในหลายพันธุ์ที่เพาะเลี้ยงกันขึ้นมาในภาคใต้ของสหรัฐ มีเชื้อสายมาทางฟ็อกซ์ฮาวนด์ของเวอร์จิเนียมาแต่สมัยล่าเมืองขึ้น และบลัดฮาวนด์ซึ่งมีเชื้อสาย ทัลโบต์ฮาวนด์ของเผ่านอร์มัน หูที่ตูบห้อยลงมากวัดแกว่ง ตลอดจนหางที่เรียวยาวนั้น ดูแล้วค่อนไปทางบลัดฮาวนด์อยู่มาก แม้ว่านำ้หนักตัวจะน้อยกว่า และหนังย่นน้อยกว่า แต่สีของมันน้ันคงเดิม คือแบล็ก แอนด์ แทน ที่แกะรอยได้เก่งนั้นก้เป็นเพราะเชื้อสายของมันนั้นเป็นเลิศอยู่แล้วในเรื่องนี้ แม้จะไม่รวดเร็วแต่ก็ทรหดและละเอียดลออ สู้ได้ทุกภูมิประเทศ
นักเพาะหมาพยายามอย่างยิ่ง ที่จะให้เป็นหมาที่เฉียบแหลมและทรหด แบล็ก แอนด์ แทน พันธุ์นี้จึงเป็นหมาล่าแร็กคูนพันธุ์แรกที่ได้รับการยกย่องยอมรับนับถือของสโมสรหมาอเมริกันเมื่อปี 1945
สูงเพียงไหล่ 23-27 นิ้ว นำ้หนัก 55-65 ปอนด์

วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554

กลุ่มพันธุ์ฮาวนด์Hound Group บีเกิล Beagle


บีเกิล Beagle

เป็นหมาเรียบร้อยและสะอาด และเมื่ออยู่ในบ้านมักจะไม่เห่า ด้ายหางที่กระดิกน้อยๆ และหูตูบที่กระพือไปมา มันก็มักจะเล่นกับเด็กอย่างสนุกสนาน เวลาเด็กๆเจ็บป่วย บางทีมันก็รู้จักปลอบด้วยการเข้าไปเลีย แต่กระนั้นเองยามที่ออกไปพักผ่อนสุดสัปดาห์ในชนบทกับเจ้าของ หมานิสัยเรียบร้อยตัวนี้จะลุยตามทุ่งตามป่าไม่ลดละด้วยความทรหด ปากก็บรรเลงไปด้วยเสียงอันแหลมให้กระต่ายป่าตื่น
ไม่ว่ากระต่ายพันธุ์ไหนมักเป็นคู่อริของมันเสียทั้งนั้น เพราะบรรพสุนัขเชื้ออังกฤษของมันนั้นเคยล่ากระต่ายมาตั้งแต่สมัยพระนางอลิซเบทที่ 1 โน้นแล้วโดยเลี้ยง "บีเกลนักร้อง " เอาไว้ทั้งฝูง เมื่อกาลเวลาล่วงไป สายเลือดนี้เลือดนี้ก็ได้พัฒนาติดต่อกันมา ในกลางศตววรษที่ 19 พาร์สัน ฮันนีวูด แห่งเอ็สเซ็กซ์ ได้พัฒนาสายพันธุ์เป็นที่ถูกอกถูกใจ และถูกตา บรรดานักกีฬาอย่างยิ่ง ทำให้เกิดเป็นทีนิยมกันอย่างกว้างขวางในเกมกีฬานี้ตลอดไปจนถึงหมาเองด้วย
หมาฮาวนด์ ของฮันนีวูดจัดเป็นหมาบีเกิลยุคใหม่ชุดแรก ดูๆแล้วเหมือนอิงลิชฟ็อกซ์ฮาวนด์แบบย่อส่วน เพราะมันคอยกระตุ้นให้เหยื่อต้องขยับตัวอยู่เสมอ แต่ไม่ทิ้งระยะห่างจากพรานนัก ขาตรง ยาว และมีขนสีเดียวกับฟ็อกซ์ฮาวนด์ หูตกมาถึงเกือบปลายจมูก ตาที่ห่างกันนั้นดูอ่อนโยนและวิงวอนในแววตา แต่กระนั้นก็มีประกายแวววาวด้วยความรักสนุก
เวลาปล่อยออกไปในดงกระต่ายป่า ฝูงบีเกิลจะขยายแถวกันออกไปเพื่อแกะรอยกลิ่น ส่วนหางก็โบกสะบัดไม่หยุด หากพบรอยหรือกลิ่น ก็มักจะส่งสัญญาณด้วยความตื่นเต้น นักล่ามักจะแต่งตัวด้วยเสื้อนอกสีเขียวตัดชั้นในสีขาว พอเห็นว่าจะลำ้หน้าเจ้านายไปมาก ก็จะหยุดรอ พอนายมาก็ควบกันต่อ โดยบรรเลงเพลงหมาไป
โดยที่เห็นว่ามันถูกกว่า จัดง่ายกว่าการขี่ม้าล่าหมาจิ้งจอกเป็นอันมาก การใช้หมาบีเกิลก็เลยเป็นที่นิยมกันขึ้นในสหรัฐ หลังจากที่หมาบีเกิลรุ่นใหม่ถูกนำเข้าไประหว่าง ทศวรรษที่ 1880และในปี 1890 นั้น ชาวเมืองนิวอิงก์แลนด์ก็ได้คิดค้นวิธี การใหม่ขึ้นคือ มีการประกวดความสามารถของหมาในการล่ากระต่าย โดยใช้หมาเป็นคู่ๆ หมาไม่จำเป็นจะต้องตามไปฆ่ากระต่ายให้ได้เพื่อเอาคะแนนชนะเลิศ และหมาตัวใดที่ตามสะเปะสะปะก็จะถูกตัดคะแนน ตัวไหนถูกตัดคะแนนน้อยสุดตัวนั้นชนะ หมาบีเกิลแข่งขันกันเป็นสองรุ่น รุ่น ตัวสูงขนาด 13-15 นิ้ว อีกรุ่น หนึ่งสูงตั้งแต่ 13 นิ้วลงมา เป็นแบบ " บีเกิลกระเป๋า " ของอังกฤษ
จะตัวเล็กหรือใหญ่ ก็ตาม หมาบีเกิลมันก็ใช้พลังของมันอย่างไม่ยอมแพ้ในการทดสอบภาคสนามหรือการล่าจริง ๆ ในทุ่งนักล่าย่อมจะรู้ทีท่าอันกระตือรือร้นของมันได้ดีเวลาใกล้เหยื่อเข้าไป
ในบ้านของคนอเมริกันนับพันนับหมื่นก็เลี้ยงเจ้าบีเกิลที่น่ารักนี่ไว้เป็นเพื่อน และสิ่งที่มันพอจะตามกลิ่นตามรอยได้ในยามนั้นก็คือ รองเท้าแตะของนายมัน
สูงเพียงไหล่ 10-15 นิ้ว นำ้หนัก 20-40 ปอนด์